อีสานเหนือ 4 อารยะ เลย - หนองบัวลำภู - หนองคาย - อุดรธานี
ทัวร์
ระยะเวลา
4 วัน 3 คืน
สายการบิน
วันเดินทาง
23-26 ต.ค. / 21-24 พ.ย. / 11-14 ธ.ค. 2563
Hilight

เลย ธรรมชาติผสานวิถีชุมชน ความเชื่อและแรงศรัทธาที่มีมาช้านาน
หนองบัวลำภู วัฒนธรรมชุมชนเข้มแข็ง สืบสานภูมิปัญญาเทวาผ้าไทย
หนองคาย งามล้ำวังน้ำมอก และเลียบริมแม่น้ำโขง
อุดรธานี คุณธรรมมากมี อรหันต์มากมาย ตามทางสายบุญ

แผนการท่องเที่ยว
  • Day 1
    วันแรก กรุงเทพฯ-เลย-วัดภูเรือมิ่งเมือง อ.ภูเรือ-ชุมชนบ้านนาเวียงใหญ่ อ.ด่านซ้าย (L/D)
    • 07.30 น. พร้อมกันที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ณ อาคารผู้โดยสารภายในประเทศขาออก ชั้น 3 เคาน์เตอร์ 14-15 สายการบิน NOK AIR โดยมีเจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกในการเช็คอินด้านสัมภาระและเอกสารให้กับท่าน
      09.20 น.    เหินฟ้าสู่ เมืองเลย โดยสายการบินนกแอร์ เที่ยวบินที่ DD9704 DMK-LOE 0920-1040 (ไม่รวมตั๋วเครื่องบิน)
      10.40 น.    เดินทางถึงสนามบิน เมืองเลย มัคคุเทศก์ท้องถิ่นรอต้อนรับคณะ พร้อมนำคณะเดินทางมุ่งหน้าสู่ อำเภอภูเรือ 
      11.30 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหารท้องถิ่น
      12.30 น. คณะออกเดินทางต่อไป วัดสมเด็จภูเรือมิ่งเมือง < ระยะทางราว 57 กิโลเมตร // 60 นาที > ชื่อเดิมวัดพระกริ่งปรเวศ ตั้งอยู่ท่ามกลางทัศนียภาพอันสวยงามของขุนเขาที่ขึ้นสลับซับซ้อนกันไปมาใน
      อำเภอภูเรือ ซึ่งมีความโดดเด่นในเรื่องของการออกแบบของตัวอาคารที่มีสถาปัตยกรรม ศิลปกรรม และงานประติมากรรมที่มีละเอียดเป็นอย่างมาก โดยตัวโบสถ์วิหารถูกสร้างด้วยไม้สักที่ถูกนำมาแกะสลักไว้อย่างวิจิตรบรรจงทั้งหลัง ซึ่งสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวที่ได้ขึ้นไปสักการะเป็นอย่างมาก สำหรับพระนอน พระวิหาร นาคหัวบันได ก็ถูกแกะสลักมาจากหินหยกแม่น้ำโขงอีกด้วย
      พาแวะร้าน Cocoa Forever ต.โคกงาม ร้านกาแฟน่ารักที่เสิร์ฟความสดของเครื่องดื่มโกโก้ที่ปลูกและผลิตที่อำเภอด่านซ้าย มีหลากหลายเมนูให้ท่านได้ลิ้มลองรสชาติความอร่อย ทั้งเมนูของหวานและเครื่องดื่มในบรรยากาศเงียบสงบพร้อมชมวิวทิวเขาได้โดยรอบ (ร้านปิดวันจันทร์)
       เดินทางสู่ ภูนาคำ รีสอร์ท อ.ด่านซ้าย จ.เลย ที่พักสุดชิลล์ ที่ได้รับรางวัลโรงแรมสีเขียวมากมาย เช็คอินเข้าที่พัก อิสระให้ท่านได้ผ่อนคลายกับบรรยากาศสดชื่น ล้อมรอบด้วยวิวทิวทัศน์ขุนเขารอบด้าน
      จากนั้นนำท่านชม พิพิธภัณฑ์บ้านนาเวียงใหญ่ บอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของประเพณีผีตาโขน การทำหน้ากากผีตาโขนตั้งแต่ยุคแรกเริ่ม จนถึงยุคปัจจุบัน ชมหน้ากากสีสันสดใสหลากหลายวัสดุที่ใช้ในการทำ 
      นำท่านเดินทางไปชม พัดน้ำ หรือ ระหัดวิดน้ำเข้านา ภูมิปัญญาชาวบ้านที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำหมัน พัดน้ำใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อาทิ ไม้ไผ่ตอกขึ้นเป็นตัวโครง ใบพัดใช้ไม้ไผ่จักตอกสานเป็นแผ่นแพประกอบเป็นใบพายพัดน้ำตามกระแสน้ำ 
      18.00 น. รับประทานอาหารเย็น ณ ห้องอาหารในโรงแรม
      เชิญพักผ่อนตามอัธยาศัย ณ ภูนาคำ รีสอร์ท 
  • Day 2
    วันที่สอง ภูอีเลิศ-พระธาตุศรีสองรัก-วัดป่าเนรมิตฯ-ภูคกงิ้วสกายวอร์ค-เชียงคาน (B/L/D)
    • เช้าตรู่ นำท่านไปขึ้นชม ภูอีเลิศ สถานที่ท่องเที่ยวใหม่แบบอันซีนของอำเภอด่านซ้าย โดยนั่งรถอีแต๊กขึ้นสู่ยอดภูเพื่อรับแสงอรุณวันใหม่ สัมผัสกับทะเลหมอกสองแผ่นดินไทย-ลาว สุดเลิศสมชื่อภู ธรรมชาติของป่าชุมชนที่นี่ยังคงอุดมสมบูรณ์เขียวชอุ่มตามระบบนิเวศน์ 
      เชิญท่านรับฟังตำนานเรื่องเล่าพื้นบ้านของภูอีเลิศ อันกล่าวถึงคู่รักที่ไม่สมหวังในความรัก เรื่องมีอยู่ว่า หญิงลาวชื่อว่า “อีเลิศ” และชายหนุ่มชื่อ “บักเกิด” ทั้งคู่ได้ตกหลุมรักกัน โดยเธอผู้ยึดมั่นในรักจึงได้นัดแนะให้มาเจอกันและรอคอยอยู่นาน ทว่าชายหนุ่มก็มารออีกหน้าผา เธอจึงคิดว่าบักเกิดไม่มา เธอจึงพิสูจน์ความรักด้วยการกระโดดหน้าผาเหนือแม่น้ำเหืองแล้วสิ้นใจลง เมื่อบักเกิดรู้ว่าเธอตาย เขาจึงกระโดดหน้าผาตายตามอีเลิศไป จนกลายเป็นผาคู่ ชื่อ “ผาอีเลิศ” และ “ผาบักเกิด” ที่ไม่มีทางบรรจบพบเจอกันได้
      พิเศษ รับประทานอาหารเช้าเรียกน้ำย่อยในรูปแบบ Green Picnic บริเวณลานหน้าผาท่ามกลางวิวเขาสองแผ่นดิน รับอรุณวันใหม่  
      ครั้นได้เวลาพอสมควร นำท่านเดินทางกลับมายังโรงแรมที่พัก
      เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
      เจาะลึกอำเภอด่านซ้าย เริ่มต้นนำท่านไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดเลย คือ องค์พระธาตุศรีสองรัก (โดยการถวายช่อดอกไม้เป็นพุทธบูชา ซึ่งเป็นคติความเชื่อท้องถิ่นของชาวด่านซ้าย งดถวายช่วงเทศกาลเข้าพรรษาและทุกวันพุธ ห้ามใส่เสื้อสีแดง) สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2103-2106 โดยมีเหตุการณ์ครั้งสําคัญในประวัติศาสตร์ของ 2 อาณาจักรริมฝั่งโขงคือ การประกาศราชไมตรีและปักปันเขตแดนระหว่างกัน ระหว่างกรุงศรีอยุธยาและกรุงศรีสัตนาคนหุต(ล้านช้าง) โดยได้สร้างพระธาตุศรีสองรักเป็นองค์สักขีพยานในการประกาศสัตยาบันร่วมหลั่งน้ำพิพัฒน์สัตยาต่อกันในครั้งนั้น โดยก่อสร้างในรูปแบบเจดีย์ เจดีย์ศิลปะล้านช้างที่ดูเรียบง่ายและอ่อนช้อยสง่างาม
      นำท่านแวะชม วัดเนรมิตวิปัสสนา วัดนี้ตั้งอยู่สูงเด่นอยู่บนเนินเขาห่างจากพระธาตุศรีสองรักไม่มากนัก มีจุดเด่นคือ พระอุโบสถและมณฑปภายในวัดก่อสร้างด้วยศิลาแลงทั้งหลัง โดยพระอุโบสถมีขนาดใหญ่ที่ตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังและมีองค์พระพุทธชินราชจำลองเป็นพระประธาน ภายในมณฑปศิลาแลงมีหุ่นขี้ผึ้งของหลวงพ่อพระมหาพันธ์ สีลวิสุทโธ ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มสร้างวัดและมรณภาพแล้ว มีสังขารของท่านซึ่งไม่เน่าเปื่อยให้พุทธศาสนิกชนและลูกศิษย์ได้มากราบไหว้อีกด้วย
      กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน
      บ่าย นำท่านเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งใหม่ที่ได้ชื่อว่าเป็นแลนด์มาร์คของเชียงคาน ภูคกงิ้วสกายวอล์ก ผ่านเส้นทางภูเรือ-ท่าลี่ ระหว่างทางชมทัศนียภาพของภูเขาน้อยใหญ่สลับกันไปตามเส้นทาง 
      ภูคกงิ้วสกายวอล์ก < ระยะทางราว 106 กิโลเมตร // 2 ชั่วโมง > ตั้งอยู่หน้าพระใหญ่บนภูคกงิ้ว สามเหลี่ยมปากแม่น้ำเหือง สปป.ลาว ตรงบริเวณแม่น้ำเหืองไหลมาบรรจบกับแม่น้ำโขงชายแดนภาคอีสานไทยเป็นจุดแรก มีทิวทัศน์ที่สวยงาม สามารถมองเห็นทัศนียภาพของแม่น้ำโขงและประเทศลาว ทางเดินทำด้วยกระจกยาวกว่า 100 เมตร กว้าง 2 เมตร สูงจากลำน้ำโขง 80 เมตรหรือ เท่ากับตึก 30 ชั้น เป็นจุดที่เสียวที่สุดให้กับนักท่องเที่ยวที่ชอบความตื่นเต้น ซึ่งโครงการก่อ สร้างสกายวอล์กแห่งนี้ได้มีการออกแบบเป็นพิเศษให้มีความมั่นคง ปลอดภัย แน่นหนา โดยมีเป้าหมายเป็นการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวและได้ปรับปรุงทัศนียภาพภูมิทัศน์โดยรอบ ทั้งมีสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน เป็นการเพิ่มศักยภาพด้านการท่องเที่ยวบริเวณองค์พระใหญ่ภูคกงิ้วของจังหวัดเลย 
      จากนั้นนำท่านเดินทางต่อไปยัง อำเภอเชียงคาน ชุมชนเก่าแก่ริมฝั่งโขงที่ยังคงไว้ซึ่งวัฒนธรรม ประเพณีแบบเรียบง่าย พอเพียง วิถีชีวิตแบบดั้งเดิม ซึ่งหาดูยากในปัจจุบัน 
      นำท่านไปชม วัดเก่าแก่คู่เมืองเชียงคาน ณ วัดศรีคุณเมือง < ระยะทางราว 22 กิโลเมตร // 35 นาที > มีพระพุทธรูปประธานที่เก่าแก่เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาและนับถือเป็นอย่างมาก คือ พระพุทธรูปปูนปั้นนาคปรกปางสมาธิ เป็นพระพุทธรูปที่มีความศักดิ์สิทธิ์ ผู้ใดที่มาขอพรจากพระประธานในพระอุโบสถมักจะประสบความสำเร็จและสมหวังกันทุกคน
      นำท่านร่วมทำ กิจกรรมผาสาดลอยเคราะห์ เป็นพิธีกรรมโบราณที่ทำสืบทอดต่อกันมานับร้อยปีแล้ว โดยชาวเชียงคานในสมัยโบราณเชื่อว่า หากผู้ใดเห็นสิ่งไม่ดี สิ่งไม่เป็นมงคล หรือมีอาการเจ็บไข้ได้ป่วย ประสบเคราะห์ร้ายถึงแก่ชีวิต ให้ทำการลอยผาสาด เพื่อเป็นการลอยสิ่งไม่ดีทิ้งไป จะทำให้ชีวิตดีขึ้น มีแต่สิ่งดีๆ เข้ามา เมื่อทำเสร็จแล้ว ท่านสามารถนำผาสาดฝีมือท่านเองไปลอยลงในแม่น้ำโขงพร้อมชมพระอาทิตย์ตกดินในมุมที่สวย 360 องศา  
      เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ร้านอาหารท้องถิ่น 
      อิสระเดินเล่นบนถนนคนเดินเชียงคาน ท่านสามารถเดินชมบรรยากาศร้านรวงในยามค่ำคืนและช้อปปิ้งสินค้าหัตถกรรมท้องถิ่นเพื่ออุดหนุนชุมชนเก่าแก่  
      เชิญพักผ่อนตามอัธยาศัย ณ โรงแรมนอนนับดาว 
      หรือเทียบเท่า (ริมโขง)
  • Day 3
    วันที่สาม ภูทอก-วัดป่าภูก้อน อุดรธานี-ชุมชนวังน้ำมอก หนองคาย-เทวาผ้าไทย หนองบัวลำภู- ศาลสมเด็จพระนเรศวร-วัดถ้ำกลองเพล (B/L/D)
    • เช้าตรู่ ตักบาตรข้าวเหนียวบนถนนเชียงคาน หรือเลือกชมดูพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าที่ ภูทอก จุดชมวิวทะเลหมอกเมืองเชียงคาน เต็มอิ่มกับบรรยากาศอันบริสุทธิ์ของสายธารหมอกโอบล้อมขุนเขา
      07.00 น. รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม 
      ออกเดินทางไปยัง วัดป่าภูก้อน < ระยะทางราว 110กิโลเมตร // 2 ชั่วโมง 15 นาที > ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่านายูงและป่าน้ำโสม บ้านนาคำ อ.นายูง จ.อุดรธานี เป็นวัดที่สร้างขึ้นโดยใช้สถาปัตยกรรมไทยประยุกต์สมัยรัตนโกสินทร์ มีประตูทางเข้าออกวิหาร 3 ด้าน ภายในวิหารถูกตกแต่งอย่างอย่างงดงามตระการตา โดยรอบผนังโบสถ์สลักเรื่องราวคำสอนและทศชาติชาดกของพระพุทธเจ้าประดับประดาด้วยศิลปะปฏิมากรรมนูนต่ำหล่อด้วยทองแดง รายรอบด้วยวิวธรรมชาติของทิวเขา
      ได้เวลาพอสมควร นำท่านออกเดินทางไปยัง ชุมชนวังน้ำมอก จ.หนองคาย < ระยะทางราว 65 กิโลเมตร // 75 นาที > หมู่บ้านวังน้ำมอก อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย มีผืนป่ากว่า 3,500 ไร่ซึ่งเป็นต้นน้ำลำธารหลายสาย เริ่มมีนายทุนและชาวบ้านเข้าไปลักลอบตัดไม้เผาถ่าน ทำให้ปัญหาความแห้งแล้งย้อนกลับไปสู่ชุมชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งจึงพร้อมใจกันจัดตั้งโครงการป่าชุมชนขึ้น เพื่อพลิกฟื้นความอุดมสมบูรณ์ของป่าให้กลับคืนมา ด้วยความสามัคคีและจิตสำนึกของคนในหมู่บ้านจึงเกิดการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ 
      ทำให้ป่าชุมชนได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี ชาวบ้านที่จะเข้าใช้ทรัพยากรจากป่าไม้ ต้องได้รับอนุมัติจากคนในชุมชนด้วยกันก่อน ป่าก็เริ่มคืนสภาพอันอุดมสมบูรณ์ดังเดิม ในเวลาต่อมาเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ชุมชนวังน้ำมอกจึงได้มีการรวมกลุ่มกันทำสินค้าหัตถกรรมพื้นบ้านและร่วมกันสืบสานฟื้นฟูวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นจนเป็นผลสำเร็จ ทำให้บ้านวังน้ำมอก ได้รับรางวัล "องค์กรสนับสนุนและส่งเสริมการท่องเที่ยวดีเด่น" ของภาคตะวันออกเฉียง เหนือจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)ในการประกวดรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยครั้งที่ 7 ผลงาน "ป่าพื้นบ้าน อาหารชุมชน" ในปี พ.ศ.2551 อีกด้วย
      กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ชุมชนวังน้ำมอก
      บ่าย เดินทางต่อไปชม ลานพญานาคศรีเชียงใหม่ ซึ่งเป็นแลนด์
      มาร์คอีกแห่งของจังหวัดหนองคาย เก็บภาพความประทับใจริมแม่น้ำโขง
      ออกเดินทางต่อสู่ บ้านเทวาผ้าไทย ต.นาคำไฮ อำเภอเมือง 
      จ.หนองบัวลำภู <ระยะทางราว 100 กิโลเมตร // 2 ชั่วโมง> 
      ชมผ้าทอมือเอกลักษณ์เฉพาะตัวโดยภูมิปัญญาท้องถิ่น ผ้าหมักน้ำซาวข้าว พร้อมทั้งควบคุมมาตรฐานการผลิตจนเป็นสินค้าชุมชนขึ้นชื่อจัดจำหน่ายทั่วประเทศและมีวางขายในร้านค้าปลอดภาษี King Power และโครงการ OTOP บริษัทประชารัฐอีกด้วย เทวาผ้าไทยได้สืบสานส่งต่อภูมิปัญญาท้องถิ่นจากรุ่นสู่รุ่น มีพิพิธภัณฑ์ผ้าเพื่อถ่ายทอดความรู้ ทั้งนี้ยังช่วยส่งเสริมให้คนในชุมชนมีรายได้พึ่งพาตัวเองได้อีกด้วย
      ได้เวลาพอสมควร นำเดินทางต่อไปสักการะ ศาลสมเด็จพระนเรศวร <ระยะทางราว 22 กิโลเมตร // 25 นาที> ซึ่งตั้งอยู่ที่สนามนเรศวร หน้าที่ว่าการอำเภอเมืองหนองบัวลำภู และอยู่ติดกับริมหนองน้ำใจกลางเมือง ตามประวัติศาสตร์กล่าวว่า ในสมัยกรุงศรีอยุธยา พ.ศ. 2112 ไทยเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่1 ให้แก่พม่าตรงกับสมัยพระเจ้าบุเรงนอง กษัตริย์กรุงหงสาวดี ได้มีหมายเกณฑ์ให้สมเด็จพระมหาธรรมราชา ไปช่วยตีเมืองเวียงจันทน์ ในครั้งนี้สมเด็จพระนเรศวรได้ร่วมเสด็จไปในกองทัพพระราชบิดาเป็นครั้งแรก สมทบกับกองทัพพม่าไปตีเมืองเวียงจันทน์ เนื่องจากพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชยกทัพไปตีเมืองญวนแล้วหายสาบสูญ พระเจ้าบุเรงนองเห็นโอกาสจึงยกทัพตีโดยให้กองทัพกรุงศรีอยุธยามาสมทบ สมเด็จพระมหาธรรมราชาและพระนเรศวรได้ยกทัพไปถึงหนองบัวลำภู เมืองหน้าด่านทางใต้ของเวียงจันทน์ ขณะนั้นมีพระชน มายุได้ 19 พรรษาครองเมืองพิษณุโลกอยู่ พระราชบิดานำกองทัพพักแรมที่หนองบัวลำภู เนื่องจากมีทัศนียภาพที่สวยงาม มีดอกบัวหลวงขึ้นเต็มที่หนองน้ำสวยงามมาก และหนองน้ำมีความอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การตั้งพักแรมของกองทัพที่มีจำนวนมาก โดยใช้น้ำเพื่อดื่มใช้ และดอกบัวหลวงก็ใช้เพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่กองทัพเพื่อเพิ่มขวัญกำลังใจในการออกศึกครั้งนี้ พระนเรศวรทรงประชวรเป็นไข้ทรพิษในระหว่างเดินทัพ พระเจ้าบุเรงนองเห็นว่าสงครามจวนจะเสร็จสิ้นจึงอนุญาตให้กลับไปรักษาพระองค์ การที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้เคยเสด็จมาประทับแรมที่เมืองหนองบัวลำภู เมื่อปีพ.ศ. 2117 นั้น ทำให้ชื่อเมืองหนองบัวลำภูได้จารึกไว้ในประวัติศาสตร์ไทย 
      นำท่านเยือนถิ่นธรรม ณ วัดถ้ำกลองเพล <ระยะทางราว 35 กิโลเมตร // 40 นาที > กราบนมัสการรูปปั้นพระอาจารย์หลวงปู่ขาว อนาลโย พระวิปัสสนากรรมฐานสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโตได้ใช้เป็นที่บำเพ็ญสมณธรรมอยู่ที่นั่นจนกระทั่งมรณภาพเมื่อปี พ.ศ.2526 ภายในบริเวณวัด บรรยากาศร่มรื่น เงียบสงบ มีเนื้อที่กว้างขวาง ปกคลุมไปด้วยแมกไม้ป่าสีเขียว และสวนหินธรรมชาติรูปร่างประหลาดดูสวยงาม มีถ้ำซึ่งภายในถ้ำมีกลองโบราณสองหน้า 
      หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า "กลองเพล" ภายในถ้ำมีรูปปั้นของหลวงปู่ขาว ตามซอกหินภายในถ้ำมีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ประดิษฐานอยู่หลายองค์ ประกอบด้วย พระพุทธรูปปางสมาธิ พระพุทธรูปปางไสยยาสน์ พระพุทธรูปปัญฑรนิมิตร ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางลีลาที่จำหลักลงในก้อนหิน และมีพระสังกัจจายน์องค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่บริเวณด้านหน้าทางเข้าถ้ำกลองเพล 
      เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ร้านอาหารท้องถิ่น จ.อุดรธานี <ระยะทางราว 50 กิโลเมตร // 1 ชั่วโมง>
      เข้าสู่โรงแรมที่พัก ประจักษ์ตราดีไซน์โฮเทล หรือเทียบเท่า  
      อิสระให้ท่านเดินพักผ่อนริมสวนสาธารณะหนองประจักษ์ศิลปาคม
  • Day 4
    วันที่สี่ คำชะโนด-สปาเกลือกุญณภัทร-ศูนย์วัฒนธรรมไทย-จีน-ศาลเจ้าปู่ย่า-กรุงเทพฯ (B/L/D)
    • เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
      ออกเดินทางไปเยือนเมืองแห่งศรัทธา คำชะโนด หรือวังนาคินทร์คำชะโนด ตั้งอยู่ใน อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี  < ระยะทางราว 90 กิโลเมตร // 1 ชั่วโมง 30 นาที >  เชื่อว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ดินแดนลี้ลับของพญานาคที่ใช้ขึ้นลงระหว่างโลกมนุษย์และโลกบาดาล ตามความเชื่อเรื่องพญานาคที่มีมานาน คำชะโนด จึงเป็นที่สถานที่มีผู้คนให้เคารพและศรัทธาของคนในพื้นที่และแถบอีสานตอนบน คำชะโนดมีลักษณะเป็น เกาะลอยน้ำที่เต็มไปด้วยต้นชะโนด ป่าคำชะโนดเป็นสถานที่ปรากฏในตำนานพื้นบ้าน เชื่อว่าเป็นที่สิงสถิตของพญานาคปู่ศรีสุทโธ ย่าศรีประทุมมา เกาะคำชะโนดไม่เคยจมน้ำ โดยมีความเชื่อที่ว่าเพราะมีพญานาคคอยปกปักรักษาอยู่นั่นเอง 
       ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางต่อสู่ สปาเกลือกุญณภัทร  <ระยะทางราว 17 กิโลเมตร // 25 นาที> อุดรธานีนั้นเป็นหนึ่งในหลายจังหวัดของภาคอีสานที่ผลิตเกลือสินเธาว์ จนวันหนึ่ง คุณกุญณภัทร วัฒนกูล เจ้าของนาเกลือสินเธาว์กว่าร้อยไร่ จุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดสปาแห่งนี้เริ่มเมื่อปี พ.ศ.2525 เกิดอุบัติเหตุมีรถมาคว่ำบริเวณพื้นที่ของตัวเอง ผู้ประสบเหตุ
      บอกว่าน้ำตรงนั้นร้อน จึงไปสำรวจว่าน้ำร้อนได้อย่างไร จากนั้นได้นำน้ำร้อนมาใช้อาบน้ำ แรกๆโดยไม่รู้ว่าน้ำร้อนมีคุณสมบัติอะไรบ้างแต่เมื่อใช้ไปนานๆ เข้ารู้สึกว่าผิวไม่แห้งแตกเหมือนเมื่อก่อน จึงนำน้ำไปวิเคราะห์ทางเคมี ปรากฏว่า น้ำนั้นสามารถดื่มได้ มีแร่ธาตุอยู่หลากหลาย มีคุณสมบัติทำให้ผิวไม่แห้ง ชุ่มชื้น และโคลนสามารถนำมาพอกตัวหมักตัวช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยตามร่างกายส่งผลดีต่อผิวพรรณ อิสระให้ท่านได้ทดลองแช่เท้าสปาเกลือเพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้า
      กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหารท้องถิ่น
      บ่าย นำท่านเดินทางมุ่งหน้าสู่ ศูนย์วัฒนธรรมไทย-จีน  
      <ระยะทางราว 85 กิโลเมตร // 1 ชั่วโมง 15 นาที> ตั้งอยู่ใจกลางเมืองอุดรธานี สถานที่ตกแต่งโดยจำลองบรรยากาศแบบจีนเหมือนยกเมืองจีนมาไว้ใจกลางอุดร เป็นแหล่งในการสืบสานวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของชาวจีนที่อพยพจากประเทศจีนมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในจังหวัดอุดรธานี เป็นสถานที่สงบ เย็นสบายเเละสวยงาม
      นำท่านสักการะ ศาลเจ้าปู่เจ้าย่า อยู่ในบริเวณศูนย์วัฒนธรรมไทย-จีน สร้างขึ้นเพื่อเชิดชูองค์เจ้าปู่เจ้าย่า เป็นศาลเจ้าจีนที่ศักดิ์สิทธิ์ ใหญ่โตและสวยงาม มีสวนหย่อมริมหนองบัว บริเวณโดยรอบมีศาลาริมกลางน้ำ 2 หลัง จำลองแบบจีนบรรยากาศร่มรื่น ภายในศาลเจ้าปู่-ย่านี้ยังเป็นที่เก็บรักษามังกรทองยาวถึง 99 เมตร ซึ่งใช้แสดงในงานทุ่งศรีเมืองในช่วงเดือนธันวาคมของทุกปี
      เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ร้านอาหารท้องถิ่น 
      หลังอาหาร นำท่านเดินทางไปสนามบินนานาชาติอุดรธานี เพื่อเตรียมตัวกลับสู่กรุงเทพฯ 
      19.25 น.    เหินฟ้าสู่ กรุงเทพฯ โดยสายการบินนกแอร์ เที่ยวบินที่ DD9217 UTH-DMK 1825-2030 (ไม่รวมตั๋วเครื่องบิน)
      20.30 น. เดินทางถึงกรุงเทพฯโดยสวัสดิภาพ
      ******************
Top